| รูปประโยค |
Subject + Verb 1 (ประธานเอกพจน์เติม s ยกเว้น I, You) + ..........
|
|
| เช่น | He gets up early. |
| I get up early. |
| The boys get up early.
การเติม s ที่กริยาเมื่อประธานเป็นเอกพจน์
การเติม s ที่กริยาเมื่อประธานเป็นเอกพจน์
- กริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, o และ x ให้เติม e เสียก่อนแล้วจึงเติม s เช่น
| pass | - | passes | = | ผ่าน |
| brush | - | brushes | = | แปรงฟัน |
| catch | - | catches | = | จับ |
| go | - | goes | = | ไป |
| box | - | boxes | = | ชก |
- กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น ie แล้วจึงเติม s เช่น
| cry | - | cries | = | ร้องไห้ |
| carry | - | carries | = | ถือ, หิ้ว |
| fly | - | flies | = | บิน |
| try | - | tries | = | พยายาม |
ข้อยกเว้น : ถ้าหน้า y นั้นเป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น ie ให้เติม s ได้เลย เช่น
| play | - | plays | = | เล่น |
| destroy | - | destroys | = | ทำลาย |
เราจะใช้ Present Simple Tense เมื่อใด
- ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไป หรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น
| The sun rises in the east. | ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก |
|
|
| The earth rotates on its axis. | โลกหมุนอยู่บนแกนของตัวเอง |
|
|
| It's cold in winter. | มันหนาวในฤดูหนาว |
|
|
| Fish swim in the water. | ปลาว่ายอยู่ในน้ำ |
|
|
| Fire is hot. Ice is cold. | ไฟร้อน น้ำแข็งเย็น |
- ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นประเพณี, นิสัย, สุภาษิต, ซึ่งไม่ได้บ่งบอกเฉพาะเจาะจงว่าเวลาใด เช่น
| Actions speak louder than words. |
| ทำดีกว่าพูด |
|
| Men wear thin clothes in summer. |
| คนเราสวมเสื้อผ้าบางๆ ในฤดูร้อน |
|
| That man speaks English as well as he speaks his own language. |
| เจ้าคนนั้นพูดภาษาอังกฤษราวกับภาษาของตน |
|
| Women are dressed all in black when going to the funeral. |
| ผู้หญิงแต่งตัวด้วยชุดสีดำล้วน เมื่อไปในงานศพ |
- ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะที่พูด ซึ่งก่อนหน้าที่พูดหรือหลังจากพูดไปแล้วจะเป็นตามนั้นหรือไม่ก็ได้ ไม่มีผลผูกพัน แต่จะต้องเป็นจริงขณะที่พูด เช่น
| He stands under the tree. | เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ (ยังไม่ได้ไปไหน) |
|
|
| I have five books in the suitcase. | ฉันมีหนังสือ 5 เล่มอยู่ในกระเป๋า |
|
|
| Alan is my close friend. | อลันเป็นเพื่อนสนิทของฉัน (ขณะนี้ก็ยังเป็นมิตรกันอยู่) |
- ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติเช่นนั้น (นิยมใช้กับกริยาที่แสดงการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง) โดยจะมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่เป็นอนาคตมาร่วมด้วยก็ได้ เช่น
| I leave by 6.00 train this evening. |
| ผมจะออกเดินทางโดยขบวนรถไฟเวลา 18.00 น. เย็นนี้ |
|
| He sets sail tomorrow for Hua-Hin, and comes back next week. |
| เขาจะออกเรือไปหัวหินพรุ่งนี้ และก็จะกลับในสัปดาห์หน้า |
|
| We attack the enemies at dawn. |
| เราจะเข้าโจมตีข้าศึกเวลาเช้าตรู่ |
- ใช้กับเหตุการณ์ในประโยค Subordinate Clause (อนุประโยค) ที่บ่งบอกเวลาเป็นอนาคต ซึ่งประโยค Subordinate Clause ที่ว่านี้ จะขึ้นต้นประโยคของมันด้วยคำต่อไปนี้ คือ
if, when, whenever, unless, until, till, as soon as, while, before, after, as long as, etc. เช่น
| If the weather is fine tomorrow, we shall have a pinic. |
| ถ้าพรุ่งนี้อากาศดี เราก็จะไปเที่ยวกัน |
|
| Unless he sends the money before Sunday, I shall consult my lawyer. |
| ถ้าเขาไม่ส่งเงินมาก่อนวันอาทิตย์ ผมก็จะไปปรึกษาทนายความของผม |
|
| Let's wait until (till) he comes. |
| ขอให้เรารอจนกว่าเขาจะมา |
|
| When you see Dan tomorrow, remember me to him. |
| เมื่อคุณพบแดนในวันพรุ่งนี้ ก็ฝากความคิดถึงจากผมไปหาเขาด้วย |
- ใช้กับเหตุการณ์ในกรณีสรุปเรื่องที่เล่ามา แม้เหตุการณ์นั้นจะได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตแต่เราก็ใช้ Verb เป็น Present Simple Tense ทั้งนี้เพื่อให้เรื่องที่เล่านั้นมีชีวิตชีวา เหมือนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน (ส่วนมากมักใช้ในการเขียนนิยาย, บทละคร) เช่น
- Bassanio wants to go to Belmont to woo Portia. He asks Antonio to lend him money. Antoniosays that he hasn't any at the moment until his ships come to port.
- Bassanio ต้องการจะไป Belmont เพื่อเกี้ยวจาพาราสีกับนาง Portia เขาขอยืมเงิน Antonio Antonio บอกว่า ขณะนั้นเขาไม่มีเงิน เอาไว้จนกว่าเรือเข้าเทียบท่าแล้ว (เขาจึงจะมีเงินให้ยืม)
(Verb ในประโยคต่างๆ ใช้ Present Simple Tense ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เกิดในอดีต ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดความสนุกเหมือนเหตุการณ์ได้เกิดในปัจจุบัน)
- การกระทำของกริยาที่ไม่สามารถแสดงอาการออกมาให้เห็นได้ เช่น กริยาแสดงความนึกคิด แสดงความรับรู้ แสดงภาวะของจิต แสดงความเป็นเจ้าของ (กริยาเหล่านี้ไม่ใช้ในรูป Continuous Tense) เช่น
| She loves her husband very much. | หล่อนรักสามีของหล่อนมากๆ |
| (loves เป็นกริยาแสดงภาวะของจิต) |
| He knows about how to open the can. | เขารู้วิธีที่จะเปิดกระป๋อง |
| (knows เป็นกริยาที่แสดงความรับรู้) |
| Dictionary belongs to me. | หนังสือ Dictionary เป็นของผม |
| (belongs to เป็นกริยาแสดงความเป็นเจ้าของ) |
| She detests people who are unkind to animals. | หล่อนเกลียดคนที่ไม่มีเมตตาต่อสัตว์ |
| (detests เป็นกริยาแสดงความรู้สึกนึกคิด) |
- ใช้กับเหตุการณ์ที่บุคคลหรือสัตว์ทำเป็นประจำ หรือเป็นนิสัยเคยชิน มักจะมีคำหรือกลุ่มคำหรือประโยค ซึ่งมีความหมายว่า บ่อยๆ, เสมอๆ, ทุกๆ....... ร่วมอยู่ด้วย
คำที่แสดงความบ่อยที่นำมาใช้ตามกฎข้อนี้ แยกออกเป็น 3 ชนิดย่อยๆ คือ
| คำ (word) | กลุ่มคำ (Phrase) | ประโยค (Clause) |
| always | everyday | whenever he sees me |
| often | every week | whenever he comes here |
| sometimes | every month | every time he sees me |
| frequently | every year | every time he comes here |
| usually | once a week | whenever she can |
| naturally | twice a month | whenever you want |
| generally | in the morning | when he comes here |
| rarely | on Sundays (ทุกวันอาทิตย์) | when he does his work |
| seldom | on week days (ทุกวันธรรมดา) | - |
| habitually | on holidays (ทุกวันหยุด) | - |
| He says hello to me whenever he sees me. | เขาพูดสวัสดีกับผมเมื่อเขาเห็นผม |
|
|
| I wash my car every week-end. | ผมล้างรถของผมทุกๆ วันหยุดสัปดาห์ |
|
|
| She usually relaxes after game. | โดยปกติหล่อนจะพักผ่อนหลังเล่นกีฬาเป็นประจำ |
|
|
| David visits his home twice a year. | เดวิดจะไปเยี่ยมบ้านปีละ 2 ครั้ง |
|
|
| Somsri habitually gets up early. | สมศรีตื่นแต่เช้าตรู่เป็นประจำ |
|
|
| We go to school every day. | พวกเราไปโรงเรียนทุกๆ วัน |
| | | |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น